ประวัติความเป็นมาของโรงเรียน 

พระโสภณวชิรธรรม เจ้าอาวาสวัดวชิรธรรมสาธิตศึกษาวรวิหาร กรุงเทพมหานคร ได้รับบริจาคที่ดินจากผู้มีจิตศรัทธาคือคุณพ่อมานัส แม่สงบทิพย์ สุวังบุตร ได้บริจาคถวายที่ดินทีใกล้กับวัดหนองเจดียจำนวน 25ไร่ พันเอกถนัด คุณหญิงโมลี คอร์มันต์ ได้ชื้อที่ดินเพิ่มเติมอีกจำนวน 25 ไร่ คุณวานิชไชยวรรณ บริจาคจำนวน 25 ไร่ รวมที่ดินทั้งหมด 75 ไร่ ปัจจุบันเนื้อที่ดังกล่าวได้แบ่งเป็นหลายส่วน ในการสร้างสาธารณประโยชน์ อาทิโรงพยาบาลป่าซางโรงเรียนวชิรป่าซางและโรงเรียนธรรมสาธิตศึกษา

ในปี พ.ศ.2512 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาวางศิลาฤกษ์

ในปี พ.ศ.2512พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จมาวางศิลาฤกษ์ การก่อสร้าง
อาคารโรงเรียนวชิรป่าซาง และได้มีพระราชดำริเกี่ยวกับสถานศึกษาของพระภิกษุสามเณร กับพระโสภณวชิรธรรม เพื่อให้พระภิกษุสามเณร ได้ศึกษาเล่าเรียนและ เพื่อให้ครูที่เป็นบรรรพชิตได้มีโอกาสสั่งสอนอบรมศีลธรรมแก่นักเรียนในเขตชนบทด้วย นับจากนั้นเป็นต้นมา พระโสภณวชิรธรรมได้สนองพระดำริ โดยการเริ่มก่อสร้าง อาคารเรียนชั่วคราวขึ้นเป็นอาคารชั้นเดียว 1 หลัง ยาว 84 เมตร กว้าง 7 เมตร จำนวน 12 ห้องเรียน สิ้นค่าก่อสร้าง 170,000 บาท ( หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นบาทถ้วน) โดยเปิดทำการสอนโรงเรียนศึกษาผู้ใหญ่ ระดับ 3 และระดับ 4 และเรียนนักธรรมบาลี และตั้งชื่อโรงเรียนว่า โรงเรียนธรรมสาธิตศึกษา ซึ่งเป็นชื่อของท่านเอง คือ พระสาธิต ฐานวโร

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 ต่อมาท่านได้มีความคิดจะสร้างอาคารเรียน

ทั้งภาครัฐและเอกชนได้รับการสนับสนุนดังนี้ ได้รับเงินจากกองสลากกินแบ่งรัฐบาลจำนวน 200,000 บาท ( สองแสนบาทถ้วน)และคุณสวัสดิ์ โอสถานุเคราะห์ จำนวน 200,000 บาท ( สองแสนบาทถ้วน) ได้รับเงินอุดหนุนจาก กรมศาสนาอีก จำนวน 70,000 บาท( เจ็ดหมื่นบาทถ้วน) และจากผู้มีจิตศรัทธา จากกรุงเทพ และ ศรัทธาในอำเภอป่าซาง อีกจำนวน 70,000 บาท( เจ็ดหมื่นบาทถ้วน) การก่อสร้างจึงเริ่มขึ้น ผู้วางศิลาฤกษ์ คือ พล.ต.ท. จำรัส มังคลารัส ลักษณะอาคารเป็น

อาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก สองชั้น จำนวน 14 ห้องเรียน กว้าง 8.50 เมตร ยาว 196 เมตร สิ้นทุนทรัพย์ 1,370,000 บาท(หนึ่งล้านสามแสนเจ็ดหมื่นบาทถ้วน) โดยขอเปิดทำการสอนเป็นโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญ และการศึกษาผู้ใหญ่ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 เป็นต้นมา

ปี พ.ศ. 2530 พระโสภณวชิรธรรมได้นำกิจการและที่ดินของโรงเรียนทั้งหมดถวายสมเด็จพระสังฆราช

พระโสภณวชิรธรรมได้นำกิจการและที่ดินของโรงเรียนทั้งหมดถวายสมเด็จพระสังฆราชเพื่อให้อยู่ในความเมตตาดูแลของมูลนิธิมหามกุฎราชวิทยาลัย

ปี พ.ศ. 2534 โรงเรียนได้เปลี่ยนสังกัด

โรงเรียนได้เปลี่ยนสังกัดจากกรมการศาสนามาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชนเป็นโรงเรียนประเภทการกุศลของวัดในพระพุทธศาสนาจนถึงปัจจุบันขณะนี้ทางโรงเรียนได้ขยายระดับอนุบาลและประถมศึกษา และขอเปิดเป็นสหศึกษาตั้งแต่ปี 2543 และได้รับการอุดหนุนงบประมาณจากรัฐบาล 100 % ทั้ง 3 ระดับ

นโยบายหรือเป้าหมายของโรงเรียน

พันธกิจ

1. พัฒนาเด็กให้มีพัฒนาการทั้ง 4 ด้านตามศักยภาพเหมาะสมกับวัย

2. พัฒนาผู้เรียนให้มีความรู้และสมรรถนะตามหลักสูตรสถานศึกษา

3. พัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีคุณธรรมจริยธรรม มีความซื่อสัตย์

4. พัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะชีวิต น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

5. พัฒนากระบวนการจัดการของสถานศึกษา เน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายโดยยึดหลักธรรมาภิบาล

6. พัฒนาครูผู้สอนให้มีความสามารถด้านการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ

เป้าหมาย

1. เด็กมีพัฒนาการทั้ง 4 ด้านตามศักยภาพเหมาะสมกับวัย

2. ผู้เรียนมีความรู้และสมรรถนะตามหลักสูตรสถานศึกษา

3. ผู้เรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีคุณธรรมจริยธรรม มีความซื่อสัตย์

4. ผู้เรียนมีทักษะชีวิต น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

5. สถานศึกษามีกระบวนการบริหารจัดการสถานศึกษา เน้นการมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายโดยยึด
หลักธรรมาภิบาล

6. ครูผู้สอนมีความสามารถด้านการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ